ติดต่อ Email veerapol@blpower.co.th, plecpn@blpower.co.th, thanij@blpower.co.th
ทีมออกแบบแดนโสมโชว์ผลงานออกแบบ The Clear Orb นวัตกรรมทีจะช่วยแปรสภาพน้ำทะเลให้เป็น น้ำจืดบริสุทธิด้วยกระบวนการระเหยและการควบแน่นจากพลังงานแสงอาทิตย์มีศักยภาพผลิตพลังงาน ได้ 3,820 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง และสามารถผลิตน้ำจืดได้ 500,000 แกลลอนต่อปี พร้อมสร้างความโดดเด่นบนการตกแต่งทีสวยงาม เหมาะให้ผู้เยี่ยมชมเข้าไปสัมผัสได้อย่างทั่วถึงThe Clear Orb เป็นผลงานการออกแบบสุดล้ำนวัตกรรมของ Heerim Architects and Planners ทีมงานออกแบบจาก ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งทีมดังกล่าวมีจุดเด่นด้านแนวคิดออกแบบที่เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบยั่งยืน โดย มุ่งเน้นที่การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติในงานสถาปัตยกรรม ส่งผลให้ผลงานออกแบบ The Clear Orb ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันประกวดแบบ Land Art Generator Initiative 2016 ซึ่งภายในปีนี้ดำเนินขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์การสร้างแหล่งผลิตพลังงานสะอาด ที่มีความความสวยงามเป็น เอกลักษณ์และสร้างประโยชน์ให้กับสาธารณชนเนื่องจากรัฐแคลิฟอร์เนีย มักประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จืดเสมอมา จึงจำเป็นต้องสร้างแหล่งแปรรูปพลังงานเพื่อผลิตน้ำ จืดขึ้นในอนาคต ด้วยเหตุนี้การแข่งขัน ออกแบบ Land Art Generator Initiative 2016 จึงได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเป็นโจทย์ในการ แข่งขัน ซึ่งผู้ร่วมแข่งขันต้องวาดลวดลายออกแบบงานสถาปัตยกรรมที่สามารถผลิตน้ำ จืดเพื่ออุปโภค และบริโภคของประชาชนด้วยพลังงานสะอาด พร้อมทั้งยังต้องคำนึงถึงความสวยงามอันมีศิลปะและเป็น ที่ชื่นชอบของเหล่าสาธารณชนด้วย ส่งผลให้ทีมผู้เข้าแข่งขันจากแดนโสมได้ลงมือออกแบบ The Clear Orb ขึ้นมา โดยมีลักษณะด้านนอกเป็นรูปทรงกลมขนาดใหญ่ สะดุดตาด้วยพื้นผิวสะท้อนแสง มีคุณ ประโยชน์แบบองค์รวม พร้อมด้วยศักยภาพผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ 3,820 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง และสามารถผลิตน้ำ จืดได้ 500,000 แกลลอนต่อปีตัวโครงสร้างทรงกลมขนาดใหญ่ มีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 130 ฟุต พื้นผิวรอบนอกเป็นกระจกซึ่งประกอบด้วย concentrator ที่เป็นตัวรวมแสง อาทิตย์ไว้เป็นพลังงานสำหรับถ่ายเทน้ำ ทะเลให้เข้าไปในโครงสร้างทรงกลม ซึ่งภายในนั้นพลังงานจากแสง อาทิตย์ก็ยังคงให้พลังงานความร้อน เปลี่ยนน้ำ ทะเลไปเป็นน้ำ จืดด้วยกระบวนการระเหยและการควบแน่น ทำให้เกิดน้ำ สะอาด สำหรับไปใช้งานThe Clear Orb จะตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ Santa Monica Pier ริม ชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งตัวโครงสร้างจะอยู่กลางทะเลโดยมีทางเดินทอดยาวเชื่อมต่อให้ผู้คนสามารถ เข้าไปสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด ที่ทางเดินเชื่อมจะอยู่ต่ำ กว่าระดับน้ำ ทะเลเล็กน้อย พร้อมกับมีกำแพงขนาบ ข้างคอยรับกระแสคลื่นที่อยู่โดยรอบนำมาผลิตเป็นพลังงานสนับสนุนการแปรสภาพน้ำ ส่วนผนังทางเดิน ด้านในจะแสดงภาพแกลลอรี่สัตว์โบราณที่ได้สูญพันธ์ไปแล้ว เพื่อสะท้อนถึงการกระทำของมนุษย์ที่ทำลาย สภาพแวดล้อม สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติให้ผู้เยี่ยมชมทั่วไป