นายพลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการต่างๆกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดทำให้มีการกักตัวอยู่บ้าน และการทำงานที่บ้านส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสูงขึ้น ประชาชนหันมาติดตั้งเพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆ อีกทั้งมองในเรื่องของพลังงานสะอาดที่เป็นเทรนด์ของโลก และมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อน

“ช่วงโควิด-19 ระบาดรอบ 1-2 ยอมรับว่ามีการชะลอการติดตั้งไปพอสมควรแต่ระลอก 3 เหมือนกับว่าทุกคนเริ่มเห็นผลกระทบค่าใช้จ่ายจากค่าไฟฟ้า ที่สูงขึ้นต่อเนื่องเพราะการล็อกดาวน์ ที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน การทำงานที่บ้านที่ยังคงอยู่และบางบริษัท อาจให้บางแผนกทำถาวร ประกอบกับปีนี้ อากาศค่อนข้างร้อนแม้จะมีฝนตกก็ตาม ขณะที่การติดตั้งแผงไม่ได้แพงเช่นอดีตและเริ่มใช้ระยะเวลาคุ้มทุนที่สั้นเหลือเพียง 4-6 ปีเท่านั้น จากการติดตามข้อมูลการติดตั้ง พบว่า การติดตั้งโซลาร์ฯของบ้าน ที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งพบว่าพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยเปลี่ยนไปด้วย เช่น การเทรดหุ้นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และรวมถึงการขุดบิตคอยน์ที่ต้องใช้ไฟค่อนข้างสูงจึงเริ่มหันมาติดตั้งโซลาร์ฯกัน”