ติดต่อ Email veerapol@blpower.co.th, plecpn@blpower.co.th, thanij@blpower.co.th
ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์ เป็นระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้ เชื้อเพลิงอื่นใดนอกจากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานที่ได้เปล่า ไม่มีของเสียที่จะทําให้เกิดมลพิษ โดยเซลล์แสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์ผลิตจาก ซิลิกอนซึ่งเป็นสารกึ่งตัวนําไฟฟ้า เซลล์แสงอาทิตย์ทุกเซลล์จะมี สารกึ่งตัวนําดังกล่าว 2 ชั้น ชั้นหนึ่งถูกชาร์จที่ขั้วบวก อีกชั้นหนึ่งถูกชาร์จที่ขั้วลบ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมายัง สารกึ่งตัวนํา สนามไฟฟ้าที่แล่นผ่านส่วนที่ 2 ชั้นนี้ตัดกันจะทําให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนตัว ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้า สลับ ยิ่งพลังงานแสงอาทิตย์มีมากเท่าใด กระแสไฟฟ้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จึงจะเห็นได้ว่าขบวนการผลิต ไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ดังกล่าว ไม่มีการเผาไหม้ที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดมลพิษ หรือก๊าซเรือนกระจกซึ่งก็คือก๊าซชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน อันได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มีเทน (CH4) ไนตรัสออกไซด์ (N2O) และสารประกอบจําพวกฟลูออไรด์ 3 ชนิด คือ ไฮโดรฟลูออโร คาร์บอน (Hydrofluorocarbon: HFC) เปอร์ฟลูออโรคาร์บอน (Perfluorocarbon: PFC) และซัลเฟอร์เฮกซะ ฟลูออไรด์ (Sulfurhexafluoride: SF6) ถือได้ว่า ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือระบบโซล่าเซลล์เป็นพลังงานที่สะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีกับสิ่งมีชีวิตและโลก
นอกจากนี้ระบบโซล่าเซลล์หรือระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ยังเป็นระบบที่มีกลไก การทํางานที่ไม่ซับซ้อนและติดตั้งอยู่กับที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงทําให้มีการสึกหรอของเครื่องจักรหรือวัสดุ อุปกรณ์น้อยและการดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเหมือนระบบผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานจล หรือชีวมวล อาทิเช่น พลังงานลม พลังงานนํ้า หรือพลังงานจากขยะ ที่ขบวนการผลิตซับซ้อน และการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวยังต้อง พึ่งพาขบวนการเผาไหม้ที่ก่อให้เกิดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก
นอกจากแสงอาทิตย์จะเป็นพลังงานที่สะอาดและไม่มีวันหมดไปแล้ว พลังงานแสงอาทิตย์ยังเป็น พลังงานที่มนุษย์ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกพื้นที่บนโลกไม่เหมือนกับพลังงานนํ้าหรือพลังงานลม ที่จํากัดเฉพาะเป็นบางบริเวณเท่านั้น
การผลิตไฟฟ้าที่มาจากฟอสซิล อาทิเช่น ถ่านหิน หรือนํ้ามัน มีขบวนการผลิตที่ต้องเผาไหม้เชื้อเพลิง ที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกหลายล้านตันต่อปีมากถึง 1 ใน 3 ของคาร์บอนได ออกไซด์ที่เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ทั้งหมด ซึ่งเกินกว่าระดับที่ธรรมชาติจะดูดกลืนได้หมด เมื่อบรรยากาศของโลก มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ก็เป็นต้นต่อของการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ฝนกรด และการทําลายชั้น โอโซนของโลก ส่งผลกระทบต่อทั้งสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตเป็นวงกว้าง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน โรคภัยต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับมลพิษทางอากาศ การขาดแคลนอาหารและนํ้า รวมถึงการเกิด ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงยิ่งขึ้น เป็นต้น
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์ นั้นมีบทบาทอย่าง มากในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและช่วยโลก ลดปริมาณคาร์บอนฟุตปริ้นทออกสู่ชั้นบรรยากาศ (ปริมาณรวม ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ) เช่น ก๊าซมีเทน ก๊าซหัวเราะ เป็นต้น ที่ปล่อยออกมาจาก ผลิตภัณฑ์หรือบริการ (ตามข้อกําหนด ISO 14040) ตลอดวัฏจักรชีวิต ซึ่งแหล่งกําเนิดของก๊าซดังกล่าวมาจาก กิจกรรมต่างๆ เช่น การใช้ไฟฟ้า การใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล กระบวนการในภาคอุตสาหกรรมหรือกสิกรรม เป็นต้น กล่าวกันว่าในการผลิตไฟฟ้าด้วยนํ้ามันเชื้อเพลิง ทุก 1 kWh จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกมา 200 กรัม ตรงข้ามกับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซลล์ที่เป็นพลังงาน สะอาด ไม่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมดอีกด้วย